วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มาร์โค โปโล

หลายคนอาจเคยเชื่อว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นเรื่องอดีตอันเป็นความจริงแท้แน่นอน เมื่อบันทึกกันไว้อย่างไรแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่โดยแท้จริง ประวัติศาสตร์ก็แทบไม่ต่างจากวิทยาการต่างๆ ที่ย่อมมีความก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง ครั้งหนึ่งเราเคยมีความเชื่ออย่างหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปอาจมีเอกสารหลักฐานหรือทฤษฎีใหม่ๆ ขึ้นมาหักล้างความเชื่อนั้นๆ ลงได้
ดังกรณีของ มาร์โค โปโล ซึ่งเคยเชื่อกันว่าเป็นชาวยุโรปรายแรกที่บันทึกการเดินทางไปยังประเทศจีนในยุคจักรวรรดิ์มองโกลของกุบไลข่าน แต่ผลจากการตรวจสอบของนักวิชาการรุ่นหลัง ได้เริ่มสั่นคลอนความเชื่อดังกล่าวลงไปมาก ดังปรากฏในสารคดีเรื่อง The True Story of Marco Polo
เรื่องเกี่ยวกับ มาร์โค โปโล ตามที่ปรากฏจากหลักฐานประวัติศาสตร์ เขาเกิดในราวปี ค.ศ.1254 (พ.ศ.1797) ในเมืองเวนิซ แต่ตระกูลของเขาน่าจะอพยพมาจากแถบยูโกสลาเวีย ในยุคนั้น ชาวยุโรปยังไม่รู้จักดินแดนทางตะวันออกที่เลยแดนอาหรับออกไป นึกว่าเป็นแถบนั้นคงเป็นสวนอีเดนหรือแดนมนุษย์ประหลาดอะไรไปนู่น แม้จะมีการค้าตามเส้นทางสายไหม ก็เป็นการค้าแบบส่งสินค้าต่อกันมาเป็นทอดๆ จากเขตหนึ่งไปอีกเขตหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่งในราวปี 1269 (พ.ศ.1812) บิดาและลุงของมาร์โค คือ นิโคโล และ มัฟเฟโอ (Niccolo and Maffeo Polo) ได้เดินทางไปค้าขายทางตะวันออก ทางแถบอาหรับ จนได้พบกับผู้แทนของจักรพรรดิ์กุบไลข่าน ผู้ซึ่งเชิญพี่น้องทั้งสองให้ติดตามไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิ์ซึ่งไม่เคยรู้จักชาวยุโรปมาก่อน นิโคโล และมาฟาเอลรับคำเชิญและตามผู้แทนดังกล่าวไปจนถึงเมืองจีน และได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์กุบไลข่าน (มาร์โค โปโล จึงมิใช่ชาวยุโรปคนแรกที่ไปเมืองจีนอย่างที่ผมและใครอีกหลายคนเคยเข้าใจ) กุบไลข่านทรงพอพระทัยสองพี่น้องนี้มาก และได้ขอให้ทั้งสองนำสาส์นไปถวายองค์พระสันตปาปาเพื่อขอนักปราชญ์ 100 คน ใน 7 สาขา มาเพื่อช่วยการปกครองจีน เมื่อทั้งสองกลับมาถึงเวนิซในอีก 9 ปีถัดมา เขาพบว่าพระสันตปาปาพึ่งสิ้นพระชนม์ และทางวาติกันยังไม่ได้ดำเนินการเลือกพระสันตปาปาองค์ใหม่
ภาพวาดคาราวานของ มาร์โค โปโล
สองพี่น้องรอจนปี 1271 (พ.ศ.1814) จึงตัดสินใจเดินทางกลับไปเฝ้ากุบไลข่าน ครั้งนี้ มาร์โค โปโล วัย 17 ปี จึงได้เดินทางไปด้วย ระหว่างการเดินทางได้เข้าเฝ้าพระสันตปาปาองค์ใหม่ที่พึ่งได้รับเลือก ณ กรุงเยรูซาเล็ม พระสันตปาปาได้มอบหมายให้พระโดมินิกันเดินทางไปด้วย เพียง 2 รูป ซึ่งทั้ง 2 ได้เปลี่ยนใจเดินทางกลับในเวลาต่อมา คณะของครอบครัวโปโลจึงได้เดินทางข้ามทะเลทรายโกบี ไปจนถึงเมืองจีนได้สำเร็จ ได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์กุบไลข่านที่พระราชวังเมืองชางตู มาร์โค โปโล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการเดินทางทั่วแผ่นดินจีนตอนใต้ รวมถึงเป็นเจ้าเมืองหยางโจว ถึง 3 ปี หลังจากรับใช้ราชสำนักมองโกล 17 ปี จึงเดินทางกลับโดยทางเรือ ระหว่างทางไปติดมรสุมอยู่ถึง 5 เดือน จึงได้เดินทางกลับผ่านศรีลังกา อินเดีย ไปจนถึงเวนิซ
ภาพวาด มาร์โค โปโล ขณะเข้าเฝ้า กุบไลข่าน
ภาพวาด กุบไลข่าน ขณะประพาสอุทยานในบริเวณพระราชวัง
เมื่อ มาร์โค โปโล กับบิดาและลุงเดินทางกลับถึงเวนิซ ในปี 1295 (พ.ศ.1838) ปรากฏว่าญาติๆ จำพวกเขาไม่ได้เลย และคิดว่าพวกเขาตายไปแล้ว มีเรื่องเล่าว่าพวกเขาได้นำทรัพย์สมบัติมีค่ากลับมาด้วย หลังจากนั้น นครรัฐเวนิซได้แพ้สงครามแก่รัฐเจนัว มาร์โค โปโล ได้ถูกขังคุกรวมอยู่กับ รัสติเชลโล (Rustichello da Pisa) นักเขียนเรื่องราวเพ้อฝันประเภท กษัตริย์อาเธอร์ ณ ที่คุมขังนี้เองที่รัสติเชลโลได้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของมาร์โค โปโล ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรตามคำบอกเล่าของเขา จนเป็นเล่ม ชื่อว่า Il Milione หรือ หลังจากทั้งสองพ้นจากคุกในปี 1299 (พ.ศ.1842) จึงเริ่มมีการแจกสำเนาหนังสือนี้จากการคัดลอกด้วยมือ ได้รับการแปลถึง 4 ภาษา นักอ่านมองว่าเป็นเพียงเรื่องแต่ง และไม่ได้รับการยอมรับจากทางการเวนิซเท่าที่ควร เหตุการณ์ทั้งในยุโรปและในจีนเองในระยะต่อมาก็เป็นอุปสรรคในการที่จะเดินทางติดต่อกัน กล่าวคือในจีนเอง จักรพรรดิ์กุบไลข่านสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ปี 1294 (พ.ศ.1837) ตั้งแต่ มาร์โค ยังเดินทางกลับไม่ถึงเวนิซ ชาวมองโกลเกิดการแตกแยกสู้รบกันเองจนอาณาจักรแตกสลาย และถูกขับออกจากจีน ในยุโรปได้เกิดกาฬโรคระบาด คร่าวชีวิตผู้คนไปถึงกว่าครึ่ง จนไม่มีใครคิดจะเดินทางไปจีน ส่วน มาร์โค โปโล นั้น ถึงแก่กรรมในปี 1324 (พ.ศ.1867) หนังสือของ มาร์โค โปโล ได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อมีการประดิษฐ์แท่นพิมพ์ในยุโรปในศตวรรษที่ 15 อิทธิพลสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือแรงบันดาลใจให้โคลัมบัสต้องการเดินทางไปจีนโดยเส้นทางอื่นจนไปพบทวีปอเมริกาในที่สุด หนังสือเล่มนี้จัดได้ว่ามีทั้งส่วนที่เป็นคุณูปการและส่วนที่สร้างความสับสนให้กับคนรุ่นหลังปนเปนุงนังกันอยู่พอสมควร คือ
  • เส้นทางการเดินทางที่อ้างถึงคลุมเครือ ไม่ชัดเจน มีผู้พยายามทดลองเดินทางตามเส้นทางในหนังสือแล้วไม่สำเร็จ แต่ความคลุมเครือนี้เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส พยายามหาเส้นทางไปจีนทางอื่น คือทางทะเล จนเป็นเหตุให้มีการค้นพบทวีปอเมริกา
  • มีการเล่าถึงรายละเอียดความเป็นอยู่ และอารยธรรมของชาวจีนที่ขณะนั้นเหนือกว่าชาวยุโรปมาก เช่น การศาสนา การใช้เงินกระดาษ การใช้ถ่านหินทำความร้อน ชีวิตที่หรูหราของราชสำนักมองโกล การสร้างถนนและคลอง การสวมผ้าไหม สุขอนามัยต่างๆ แต่บางเรื่องกลับไม่พูดถึงเลย เช่น การดื่มน้ำชา การใช้ตะเกียบ การมัดข้อเท้าเด็กหญิง กำแพงเมืองจีน และการพิมพ์ที่จีนมีมาก่อน Gutenberg หลายปี ฯลฯ
กำแพงเมืองจีน สิ่งมหัศจรรย์ที่ มาร์โค โปโล ไม่เคยกล่าวถึง
  • ไม่มีเอกสารหรือวรรณกรรมใดๆ ของจีนหรือมองโกล กล่าวถึง มาร์โค โปโล เลย ผู้ที่ยังเชื่อว่า มาร์โค โปโล ไปจีนจริง กล่าวแก้ว่าเขาอาจใช้ชื่ออื่น แต่ในสารคดีไม่ได้กล่าวว่าใช้ชื่ออะไร
  • ฝ่ายที่ไม่เชื่อการเดินทางของ มาร์โค โปโล แสดงความแปลกใจที่กุบไลข่านทรงแต่งตั้งชาวต่างประเทศที่อายุน้อยอย่าง มาร์โค โปโล เป็นข้าราชการต่างพระเนตรพระกรรณ แต่ฝ่ายที่ยังเชื่อ มาร์โค โปโล เห็นว่าไม่แปลก เพราะจักรวรรดิ์มองโกลมักใช้นโยบายการสอดแนมเช่นนี้เป็นปกติอยู่แล้ว
  • ในหนังสือเล่าเรื่องส่วนตัวของ มาร์โค โปโล น้อยมาก และมีการสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ตระกูลโปโลซึ่งอยู่ในจีนเป็นสิบปีถึงคิดจะเดินทางกลับบ้านเกิด ทำไมไม่แต่งงานมีครอบครัวที่นั่น มีคำอธิบายว่า อาจเป็นเพราะจักรพรรดิ์กุบไลข่านใกล้จะสิ้นพระชนม์ มาร์โคกับพ่อและลุงอาจเกรงว่าจะมีภัยการเมืองมากระทบต่อสถานะของตน
  • หนังสือของ มาร์โค โปโล มักเรียกชื่อต่างๆ เป็นภาษาเปอร์เซีย หรือตุรกี ทำให้เกิดความสงสัยว่า เรื่องของเขาอาจเป็นเพียงการปะติดปะต่อคำบอกเล่าต่อๆ กันมาของบรรดาพ่อค้าชาติต่างๆ
  • ความเชื่อที่ว่า มาร์โค โปโล เป็นผู้นำให้กำเนิดพาสต้า อันที่จริงหนังสือของเขาไม่เคยอวดอ้างเลย ชาวอาหรับเป็นผู้นำข้าวสาลีและพาสต้าเข้ามายังยุโรปหลายร้อยปีก่อน มาร์โค โปโล เกิดด้วยซ้ำ
  • ฯลฯ
แผนที่โลกฉบับแรกๆ ที่วาดตามข้อมูลในหนังสือของ มาร์โค โปโล
ทั้งนี้ ฝ่ายที่ไม่เชื่อว่า มาร์โค โปโล เดินทางไปเมืองจีนจริงๆ เช่น Frances Wood ผู้แต่งหนังสือเรื่อง Did Marco Polo Go to China?  ก็ไม่ได้ประณามว่าเขาโกหกมดเท็จซะทีเดียว ในสารคดี Wood ได้อธิบายว่า หนังสือของ มาร์โค โปโล กำเนิดโดย รัสติเชลโล เป็นผู้จดบันทึกขณะอยู่ในคุกเมืองเจนัวด้วยกัน และในระยะแรก การเผยแพร่หนังสือดังกล่าวกระทำโดยการคัดลอกต่อๆ กันมา ซึ่งอาจเกิดความผิดเพี้ยนแต่งเติมขึ้นได้ และยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่า มาร์โค โปโล อาจจะไม่มีตัวตนจริงๆ เป็นเพียงตัวละครที่ รัสติเชลโล สมมติขึ้นมาในหนังสือ ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า รัสติเชลโล จะเป็นคนปลิ้นปล้อนหลอกลวง แต่ว่าเป็นการเขียนหนังสือภูมิศาสตร์โลกหรือหนังสือท่องเที่ยวโดยการแต่งเติมสีสัน ขอให้ลองนึกเปรียบเทียบกับแบบเรียนชั้นประถมของบ้านเราสมัยหนึ่ง ที่มีการสมมติ สุดา คาวี หรือ มานี มานะ ฯลฯ ขึ้นมาเป็นตัวเดินเรื่อง หรือการที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สมมติแม่พลอยกับพ่อเปรมขึ้นมาเล่าประวัติศาสตร์สี่แผ่นดินนั่นแหละครับ
ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเชื่อเรื่อง มาร์โค โปโล เพียงใดก็ตาม สิ่งที่สรุปตรงกันคือ ทุกฝ่ายยังคงยอมรับความสำคัญในหนังสือของเขา ที่ได้ทำให้ชาวยุโรปได้เปิดหูเปิดตา เห็นว่ายังมีชนชาติอื่นอย่างเช่นจีนที่มีอารยธรรมเหนือกว่าตน และเป็นแรงบันดาลใจให้นักเดินทางรุ่นหลังๆ ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอก จนเกิดการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ต่อๆ มา

โคลัมบัส ผู้ค้นพบอเมริกา ด้วยแรงบันดาลใจจากหนังสือของ มาร์โค โปโล

HT 306 ธุรกิจขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการขนส่งผู้โดยสารเพื่อการท่องเที่ยว

- ใช้ขาได้ไหม? >> ได้...แต่ไม่มีต้นทุน

    การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่ต้องมีการเดินทางจากที่อยู่อาศัยประจำไปยังแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมความงามธรรมชาติและคุณค่าทางวัฒนธรรม จึงต้องอาศัยการขส่งผู้โดยสารเป็นยานพาหนะในการนำไปยังแหล่งท่องเที่ยว

    >Logistic - การจัดการ การไหลเวียนของวัตถุดิบ ของข้อมูล ของเงินทุน รวมไปถึงความซับซ้อนของข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ

    1.1 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้โดยสารกับการท่องเที่ยว
     - ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง แล้วเดินทางกลับมายังจุดออกเดินทาง
    - การให้บริการที่สะดวกสบายในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยว ได้แก่ ที่พัก อาหาร และความบันเทิง
    - ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ความต้องการในการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น กระตุ้นให้มีการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งและยานพาหนะที่สะดวกสบายและทันสมัย
    - เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยว ประสิทธิภาพการขนส่งผู้โดยสารจะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความเจริญเติบโต เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ ยกระดับมาตรฐานในการดำเนินชีวิต
    - เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ได้รับการพัฒนา ทำให้แหล่งท่องเที่ยวนั้นเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
    - กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาขนส่งผู้โดยสาร อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเจริญเติบโต นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวมากขึ้น ความต้องการในการใช้บริการขนส่งผู้โดยสารย่อมเพิ่มขึ้นตาม ทำให้เกิดการพัฒนาขนส่งผู้โดยสาร ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ลดเวลาลดค่าใช้จ่ายแต่ประหยัด

   1.2 เครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร
       หมายถึง เส้นทางภาคพื้นดิน พื้นน้ำ และบนอากาศที่ยานพาหนะนั้นๆ สามารถใช้สัญจร ซึ่งหมายรวมถึง สถานีรถไฟ หรือสถานีรถทัวร์ ท่าเรือ และท่าอากาศยาน ที่ผู้โดยสารเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวหรือจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว ตลอดจนการโยงใยให้เส้นทางต่าง ๆ เชื่อมต่อกัน เครือข่ายขนส่งผู้โดยสารมีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มหรือลดการเดินทางท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวจะต้องมีเครือข่ายการขนส่งผู้โดยสารมากพอและมีคุณภาพได้มาตรฐานในการรองรับนักท่องเที่ยว ถนนจะต้องมีความกว้าง รถบัสสามารถวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวจากท่าอากาศยานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย มีป้ายบอกสัญญาณจราจรที่ชัดเจน
       สำหรับผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทาง โดยเรือหรือเครื่องบิน จะต้องแล่นไปตามร่องน้ำหรือเส้นทางที่กำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงต้องมีการจัดระบบเครือข่ายขนส่งและการรักษากฏเกณฑ์ในการเดินเรือหรือการบินอย่างเคร่งครัด
       จึงเห็นได้ว่าถนน รางรถไฟ ร่องน้ำและเส้นทางบิน ถือเป็นองค์ประกอบของเครือข่ายการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นเครื่องชี้บ่งว่า ผู้โดยสารนักท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวกมากน้อยเพียงใดจากการใช้บริการขนส่งผู้โดยสารเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว มีบริการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะเข้าถึงจุดหมายปลายทางหรือแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

    1.3 ความหมายของการขนส่งผู้โดยสาร
          - ความหมายของการขนส่ง
       ตามสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของการขนส่งไว้ว่า "ขน" หมายถึง การนำเอาของมากๆจากที่หนึ่งไปไว้อีกที่หนึ่ง ส่วน "ส่ง" หมายถึง การยื่นให้ถึงมือ พาไปให้ถึงที่ เมื่อรวมเป็นคำว่า "ขนส่ง" จึงหมายถึงการนำไปและนำมาซึ่งของมากๆ จากที่หนึ่งไปไว้อีกที่หนึ่ง
       ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 4 การขนส่งหมายถึงการลำเลียงหรือเคลื่อนย้ายบุคคลหรือสิ่งของด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งอุปกรณ์การขนส่งนี้หมายถึงยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง รวมทั้งเครื่องทุ่นแรงด้วย
       ตามวิชาเศรษฐศาสตร์ได้ให้ความหมายของการขนส่งไว้ว่า การขนส่งเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งที่จัดให้มีการเคลื่อนย้ายคน สัตว์ และสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
       จากความหมายดังกล่าว พอสรุปได้ว่า การขนส่ง หมายถึง การจัดให้มีการเคลื่อนย้าย บุคคล สัตว์ หรือสิ่งของด้วยอุปกรณ์การขนส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งตามความประสงค์ของมนุษย์ ถ้าเป็นการขนส่งคนเรียกว่าการขนส่งผู้โดยสาร แต่   ถ้าเป็นการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของก็เรียกว่าการขนส่งสินค้า
         - ความหมายของการขนส่งผู้โดยสาร
       หมายถึงการจัดให้มีการเคลื่อนย้ายบุคคลด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การขนส่งจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งตามความประสงค์ของบุคคลนั้น ๆ การขนส่งผู้โดยสารจะต้องประกอบไปด้วยลักษณะสำคัญอยู่ 3 ประการคือ
  •  เป็นกิจกรรมที่ต้องต้องมีการเคลื่อนย้ายบุคคลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
  • เป็นการเคลื่อนย้ายที่ต้องกระทำด้วยอุปกรณ์การขนส่ง ก็คือยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งนั่นเอง
  • เป็นการเคลื่อนย้ายที่ต้องเป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลผู้ที่ต้องการขนส่ง
     1.4 หน้าที่ของการขนส่งผู้โดยสาร
         ทำหน้าที่ผลิตบริการเพื่อบำบัดความต้องการของมนุษย์ในการเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่งให้เกิดอรรถประโยชน์ด้านเวลาและสถานที่ การขนส่งผู้โดยสารไม่ได้ทำให้ผู้โดยสารที่ขนย้ายเกิดคุณค่าหรืออรรถประโยชน์ อาจมีอาการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน หรืออาจเกิดอาการปวดเมื่อยขึ้นในระหว่างการเดินทาง การขนส่งผู้โดยสารทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมการเดินทางของบุคคลจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่งตามความประสงค์ของผู้เดินทาง

     1.5 ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสาร
       การขนส่งผู้โดยสารมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ การขนส่งเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐาน อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ เช่น
ด้านเศรษฐกิจ
  • ทำให้นักธุรกิจสมารถเดินทางติดต่อค้าขายกันได้ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีการจัดงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติ ทำให้เกิดการค้าขายกันขึ้น
  • ทำรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล จากการมีผู้นิยมท่องเที่ยวมากขึ้น การขนส่งผู้โดยสารจะขนส่งนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการ ซึ่งการท่องเที่ยวนี้ทำให้เกิดรายได้อื่น ๆติดตามมาด้วย
  • ช่วยลดปัญหาการว่างงาน เนื่องจากการขนส่งผู้โดยสารทำการเคลื้อนย้ายแรงงานที่ว่างงานจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
  • ทำให้เกิดการร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุน การขนส่งผู้โดยสารช่วยการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม การลงทุนทางตรงนั้นการขนส่งผู้โดยสารก็เป็นกิจการหรือธุรกิจหนึ่งที่ต้องมีการลงทุน ขณะเดียวกันก็อาจขนย้ายนักธุรกิจต่างชาติเข้าลงทุนในประเทศอันเป็นการลงทุนทางอ้อม ก่อให้เกิดความร่วมมือในการลงทุนร่วมกันระหว่างการขนส่งผู้โดยสารถายในประเทศกับต่างประเทศ
  • ช่วยดุลการชำระเงินของประเทศ การขนส่งผู้โดยสารทางอากาศที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ จะได้ค่าโดยสารเป็นเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศ
 ด้านสังคม
  • ช่วยขยายตัวเมือง
  • ช่วยลดการแบ่งแยกของสังคม ระหว่างชนบทกับเมืองหลวง
  • ช่วยให้มาตรฐานการศึกษาดีขึ้น
  • ช่วยให้มาตรฐานการครองชีพดีขึ้น
  • ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
การเมืองและการทหาร
  • ช่วยให้เกิดความสามัคคี
  • ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในชาติ
  • ช่วยให้การปกครองประเทศเป็นไปด้วยดีช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้น
  • ช่วยสนับสนุนป้องกันประเทศและความมั่นคงของประเทศ ช่วยส่งกำลังทหารไปปราบปรามศัตรูของชาติ
     เพราะเหตุนี้ การขนส่งผู้โดยสารเปรียบเสมือนกุญแจดอกสำคัญที่จะเปิดทางให้ประเทศชาติบรรลุถึงการพัฒนาและความมั่งคั่ง

1.6 ปัญหาการขนส่งผู้โดยสาร
  • ปัญหาอากาศเป็นพิษ อุปกรณ์การขนส่งแทบทุกประเภทที่ใช้เครื่องยนต์ชนิดสันดาปภายในจักรกล การสันดาปภายในนี้จะต้องใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซลีนที่ก่อให้เกิดภาวะอากาศเป็นพิษ โดยเฉพาะสารตะกั่ว แก๊สคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์
  • ปัญหาน้ำเป็นพิษ คือการที่น้ำมันรั่วไหล ทำให้น้ำเป็นพิษ แต่ปัญหาน้ำเป็นพิษสามารถควบคุมได้ ถ้าหากมีการป้องกันและมีความระมัดระวังเพียงพอ
  • ปัญหาเสียงรบกวน อุปกรณ์การขนส่งทำให้เกิดเสียงดัง ทำให้ชุมชนที่อยู่ใกล้สนามบินหรือใกล้สถานีขนส่งหรือใกล้ถนนย่อมประสบกับเสียงอึกทึกต่างๆ ซึ่งปัญหาของเสียงรบกวนเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก และจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นยังไม่มีใครกล้ายืนยัน
  • ปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาการจราจรติดขัดนั้นมักเกิดขึ้นจากขนาดของผังเมือง ปริมาณของอุปกรณ์การขนส่ง และลักษณะของอุปนิสัยอุปกรณ์การขนส่ง
  • ปัญหาอุบัติเหตุ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน อันเนื่องมาจากการขาดความระมัดระวังและขาดความรอบรู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งสาเหตุของอุบัติเหตุอาจเกิดจากสภาพการขนส่ง สภาพสิ่งแวดล้อม และผู้ขับขี่ยานพาหนะเอง
  • ปัญหาการลงทุน ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ในการจัดหายานพาหนะและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการบริการผู้โดยสาร
1.7 การให้บริการขนส่งผู้โดยสารในตัวเมือง
ซึ่งการเดินทางของมนุษย์มีลักษณะที่สำคัญอยู่ 3 รูปแบบคือ
·         การให้บริการขนส่งผู้โดยสารในตัวเมือง หมายถึงความพยายามที่จะจัดการขนส่งผู้โดยสารภายในบริเวณชุมชน  ซึ่งอาจเป็นเทศบาลเมืองต่างๆหรือเมืองหลวงก็ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม การขนส่งผู้โดยสารในตัวเมืองอาจแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบย่อยคือ การขนส่งผู้โดยสารจากในเมืองไปนอกเมือง และการขนส่งผู้โดยสารจากนอกเมืองเข้าสู่ในเมือง จึงต้องมีการสำรวจผู้โดยสาร ซึ่งเป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้โดยสารว่าขึ้นรถโดยสารสายไหน ในเวลาใด ต่อรถที่ไหน เพื่อนำข้อมูลที่สำรวจได้มาจัดเส้นทาง ตารางเดินรถและจำนวนรถให้เหมาะสม ในการสำรวจผู้โดยสารนั้นเราถือว่าผู้โดยสาร 1 คนขึ้นรถโดยสารแล้วลง 1 ครั้งเรียกว่า 1 Passenger Trip ซึ่งอาจมีการใช้ขนส่งผู้โดยสารระบบมวลชน ช่วยให้สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากๆและเดินทางไปได้รวดเร็ว เช่นรถไฟใต้ดิน รถรางไฟฟ้า รถไฟรางเดียว
·         การขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ หมายถึงความพยายามที่จะจัดการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศต่างๆให้มีประสิทธิภาพ มีบทบาทมากที่สุดถึงประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้โดยสาร รองลงมาก็คือการขนส่งผู้โดยสารทางเรือ ส่วนการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศด้วยรถยนต์และรถไฟมีบทบาทน้อย
1.8 ประเภทของการขนส่งผู้โดยสาร
     การขนส่งผู้โดยสารสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
·         การขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์
·         การขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ
·         การขนส่งผู้โดยสารด้วยเรือ
·         การขนส่งผู้โดยสารด้วยเครื่องบิน
นอกจากนี้ยังมีการขนส่งแบบอื่นอีก เช่น คานหาบ การขนส่งผู้โดยสารด้วยกระเช้าไฟฟ้า การขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟใต้ดิน การขนส่งด้วยโฮเวอร์คร๊าฟ

          สรุป
การขนส่งผู้โดยสารทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวตามต้องการ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งการขนส่งผู้โดยสารจะมีเครือข่ายทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ